ตั้งแต่ที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือจากการคุมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อปี 2013 มาถึงตอนนี้ปี 2023 เป็นเวลากว่า 10 ปีเต็มที่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่เคยได้สัมผัสการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษได้อีกเลย ซึ่งถ้าหากใครเป็นแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเองก็พอจะมองออกว่ามีสาเหตุหลักๆ มาจากอะไรกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาวะจิตใจของนักเตะหรือแม้กระทั่งตัวผู้จัดการทีมเองก็ไม่สามารถจัดการปัญหาในห้องแต่งตัวได้
ซึ่งปัญหาเหล่านี้คือปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมาเป็นเวลากว่า 10 ปี วันนี้เราจะมาพูดคุยถึงหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั่นคือปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นในแดนกลางของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับการย้ายเข้ามาของคาเซมิโร่กองกลางที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและสมควรแก่การเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดขาดหายไป
ประวัติ คาเซมิโร่
การ์ลุส เอ็นรีกี กาซีมีรู (Carlos Henrique Casimiro) เป็นนักฟุตบอลสัญชาติบราซิลซึ่งตำแหน่งถนัดของเค้าคือกองกลางตัวรับ
- คาเซมิโร่เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1992
- สถานที่เกิด เซาโฌแซดุสกังปุส ประเทศบราซิล
- ส่วนสูง 185 เซนติเมตร
คาเซมิโร่เริ่มต้นอาชีพค่ะแข่งกับสโมสรเซาเปาโลในประเทศบราซิล ก่อนที่เจ้าตัวจะย้ายไปอยู่กับราชันชุดขาวเรอัล มาดริด ในปี 2013 และถูกสโมสรเรอัล มาดริดปล่อยยืมตัวไปอยู่กับเอฟซีปอร์โต้ สโมสรในประเทศโปรตุเกสเป็นเวลา 1 ฤดูกาล และได้กลับมาเป็นส่วนสำคัญของราชันชุดขาวในตำแหน่งกองกลางตัวรับและเขายังเป็นส่วนสำคัญของเรอัล มาดริดในการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัยจาก 5 ฤดูกาล เส้นทางค้าแข้งของคาเซมิโร่
- เซาเปาโล 2010-2013 ลงเล่น 62 นัด ยิง 6 ประตู
- เรอัล มาดริด 2013-2022 ลงเล่น 221 นัด ยิง 24 ประตู
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2022-ปัจจุบัน
เรอัล มาดริด สโมสรผู้ปลุกปั้น คาเซมิโร่
คาเซมิโร่ ย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริดเมื่อปี 2013 ก่อนจะถูกปล่อยยืมตัวไปอยู่กับสโมสรเอฟซีปอร์โต สโมสรชั้นนำในประเทศโปรตุเกสเป็นเวลา 1 ฤดูกาล ก่อนที่เรอัล มาดริดจะดึงตัวกลับมาร่วมทีมโดยคาเซมิโร่ เป็นกำลังหลักในแดนกลางเล่นร่วมกับลูก้าโมดริชและโทนี่โครส และเขายังเป็นส่วนสำคัญในการพาสโมสรคว้าแชมป์ต่างๆมากมายตลอดระยะเวลา 9 ปี คาเซมิโร่ลงเล่นไปทั้งหมด 221 นัดยิงไปทั้งสิ้น 24 ประตู คาเซมิโร่คว้าแชมป์กับราชันชุดขาว
- ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก 5 สมัย
- ลาลีกาสเปน 3 สมัย
- ยูฟ่าซุปเปอร์คัพ 3 สมัย
- สโมสรโลก 3 สมัย
- โคปาเดลเรย์ 1 สมัย
ด้วยความทุ่มเทของคาเซมิโร่ทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนบอลของราชันชุดขาวเป็นอย่างมากและในปี 2022 คาเซมิโร่ก็มีข่าวการย้ายทีมเชื่อมโยงกับสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งแฟนบอลของราชันชุดขาวเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าคาเซมิโร่จะย้ายทีมจริงเพราะคาเซมิโร่ดูมีความสุขกับสโมสรและเขาเองก็ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ อีกอย่างเขาก็ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์มามากมาย
แต่ในที่สุดสิ่งที่แฟนบอลของราชันชุดขาวไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้ คาเซมิโร่ย้ายร่วมทัพปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์พ่วงกับโบนัสอีกประมาณ 10 ล้านปอนด์ ซึ่งคาเซมิโร่ ได้ให้เหตุผลในการย้ายทีมในครั้งนี้ว่าเขาต้องการหาความท้าทายใหม่ แล้วคาเซมิโร่ก็ได้โพสต์ในไอจีส่วนตัวถึงสโมสรเก่าอย่างเรอัล มาดริดว่า “ผมได้อยู่ในเรื่องราวอันสุดมหัศจรรย์ที่สุดที่แม้กระทั่งผมเองไม่เคยคาดคิด ผมหวังว่าสักวันหนึ่งผมจะได้กลับมาที่นี่ ที่ๆ เป็นเสมือนบ้านของผมขอบคุณสโมสรและแฟนบอลของเร็วมาดริดที่มอบทุกอย่างให้กับผม”
คาเซมิโร่ กับการเข้ามาเติมเต็มในแดนกลางของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ในปี 2022 คาเซมิโร่ได้ตัดสินใจย้ายมาสู่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ บวกโบนัสอีกประมาณ 10 ล้านปอนด์ ซึ่งเมื่อดูจากราคากับคุณภาพนักเตะรวมถึงอายุของคาเซมิโร่ในตอนนั้นที่มีอายุ 30 ปี สำหรับนักฟุตบอลอายุ 30 ปีถือว่าอายุค่อนข้างมากจะมีอายุการใช้งานที่น้อยลงจึงอาจจะมองว่าค่าตัวดังกล่าวค่อนข้างสูงเกินไป แต่ด้วยการเข้ามาของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเอริก เทน ฮาค ที่ต้องการสร้างทีมใหม่เค้าต้องการนักเตะในตำแหน่งกองกลาง
ในขณะนั้นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็มีข่าวเชื่อมโยงกับแฟรงกี้ เดอ ยอง ห้องเครื่องของสโมสรบาร์เซโลน่า แต่ตัวนักเตะได้ปฏิเสธเพราะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่ได้ลงเล่นในรายการใหญ่ของยุโรปหรือยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนั่นเองทำให้เอริก เทน ฮาค ต้องมองหาห้องเครื่องคนใหม่มาทดแทนและได้ล็อคเป้าไปที่คาเซมิโร่ กองกลางตัวรับของเรอัล มาดริด นั่นเอง ก่อนหน้านี้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีของกลางอยู่แล้ว 4 ตัว ด้วยกันนั่นคือ
- เฟร็ด
- สก็อต แมคโทมิเนย์
- คริสเตียน อีริคเซน
- บรูโน่ เฟอร์นันเดส
ในรายของสองคนแรกนั่นคือเฟร็ดกับสก็อต แมคโทมิเนย์ ฟอร์มของเขาค่อนข้างจะไม่แน่นอน ไม่สามารถพึ่งพาได้จึงทำให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต้องทำทุกวิถีทางเพื่อการคว้าตัวคาเซมิโร่มาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปตรงนั้น ส่วนอีกสองคนหลังอย่างคริสเตียน เอริกเซ่นกับบรูโน่ เฟอร์นันเดส ทั้งสองคนถนัดที่จะเล่นเกมรุกมากกว่าเกมรับ ถ้าเกิดว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสามารถคว้าคาเซมิโร่ มาได้จะเป็นการปิดช่องว่างในส่วนของกองกลางตัวรับได้อย่างลงตัว นั่นจะทำให้ในแผงกองกลางของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะประกอบไปด้วยคาเซมิโร่ คริสเตียน อีริคเซน และ บรูโน่ เฟอร์นันเดส นั่นเอง
คาเซมิโร่กลางรับผู้คอยซัพพอร์ต คริสเตียน อีริคเซนและ บรูโน่ เฟอร์นันเดส
โดยสไตล์การเล่นที่ถนัดเล่นเกมรับมากกว่าเกมรุก มุ่งมั่น ขยันวิ่ง เข้าบอล ดุดันและเข้าสกัดได้อย่างแม่นยำ เปลี่ยนเกมรับเป็นเกมรุกได้อย่างรวดเร็ว และมีอารมณ์ร่วมในเกมการแข่งขันเป็นอย่างมากทำให้คาเซมิโร่กลายเป็นแบบอย่างให้นักเตะคนอื่นในสโมสรรวมถึงเป็นที่รักของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ด้วยการทำงานหนักของเขาทำให้เขาสามารถยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองส่งผลให้คริสเตียน อีริคเซนกับ บรูโน่ เฟอร์นันเดส สามารถเล่นเกมรุกได้อย่างอิสระและทั้งสามคนก็สามารถช่วยกันยกระดับรูปเกมของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้เป็นอย่างดี
ซึ่งความคาดหวังของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในตอนนี้คงไม่คาดหวังอะไรมากนอกจาก ขอให้คาเซมิโร่จะไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน เพราะทุกคนต่างเชื่อมั่นว่าคาเซมิโร่ลงสนามให้กับทีม เมื่อไหร่เขาจะสามารถคุมจังหวะเกมในแดนกลางของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ แบบไม่เป็นรองคู่แข่งแน่นอน และสุดท้ายเมื่อฟอร์มของคาเซมิโร่ยังคงเส้นคงวาแบบนี้ไปเรื่อยเรื่อยแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเองคงจะแอบมีความหวังในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกและอื่นๆในฤดูกาลต่อๆไปอย่างแน่นอน
อ้างอิง
กาเซมีรู
https://th.wikipedia.org/wiki/กาเซมีรู